Post by จุ๊กจุ๋ม on May 18, 2017 0:03:12 GMT
คืนสุดท้ายที่คันไซ ได้ไปเที่ยวซื้อของที่ย่านโดทงโบริและชินไซบาชิ (ที่มีรูปกูลิโกะ) ซึ่งมีราคาถูกโดยเฉพาะเครื่องสำอาง
ไปกินราเมงมังกร ส่วนทาโกะยากิก็ไปกินเจ้าเดิม แต่รู้สึกว่าความอร่อยน้อยลง
วันรุ่งขึ้นเราเก็บข้าวของ ไปสถานีรถไฟ ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี แล้วไปปราสาทฮิเมจิแต่เช้า เริ่มเปิด 9.00น.
ปราสาทฮิเมจิ(Himeji Castle, 姫路)หรือปราสาทนกกระเรียนขาว ถือว่าเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1400 และเนื่องจากปราสาทนี้ยังไม่เคยถูกทำลายมาก่อน ทั้งในยุุคที่มีสงคราม ไฟไหม้ หรือการเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ยังคงรูปแบบดั้งเดิมของตัวปราสาทเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์(ปราสาทดั้งเดิมที่เหลืออยู่มีทั้งหมด 12 แห่ง) จึงทำให้ได้รับการบันทึกเป็นมกดกโลกจากยูเนสโก้ และเป็น 1 ใน 4 ปราสาทที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น (ร่วมกับอีก 3 แห่งคือ Matsumoto Castle, Inuyama Castle และ Hikone Castle)
ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีอาคารน้อยใหญ่อยู่ภายในมากถึง 80 อาคารที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด มีกำแพงและประตูกั้นแต่ละส่วน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาถึงจะผ่านประตู Otemon เดินตามทางมาเรื่อยๆจะเจอกับสวนที่มีต้นซากุระมากมายและเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของปราสาทฮิเมจิคู่กับต้นซากุระด้วย หลังจากนั้นที่สุดทางเดินจะเจอกับตู้ขายตั๋วสำหรับเข้าไปในบริเวณของปราสาทชั้นใน ภายในปราสาทจะมีบันไดแคบๆสำหรับเดินขึ้นและลง ที่ชั้นบนสุดของหอคอยปราสาทจะมีช่องสำหรับดูวิวได้รอบทิศทาง ทำให้มองเห็นอาณาบริเวณของปราสาททั้งหมดและไกลออกไปที่ตัวเมืองฮิเมจิด้วย
ปราสาทฮิเมจิเพิ่งจะผ่านการรีโนเวทครั้งใหญ่มาเมื่อปี 2015 ทำให้สภาพของปราสาทตอนนี้สวยงามและสมบรูณ์มาก
แต่ก่อนบูรณะค่าเข้าชม 400 เยน หลังบูรณะเพิ่มเป็น1000เยน
ขึ้นชมภายในตัวปราสาทใหญ่ทุกชั้น ได้ทั้งการออกกำลัง ความรู้ แล้วกลับลงมาขึ้นแท๊กซี่กลับสถานีรถไฟ เพื่อไปเอากระเป๋าและ
ขึ้นชินกันเซนต่อไปยังโตเกียว แน่นอนว่าเราได้กินเบนโตะบนรถไฟอีกแล้ว
ไปกินราเมงมังกร ส่วนทาโกะยากิก็ไปกินเจ้าเดิม แต่รู้สึกว่าความอร่อยน้อยลง
วันรุ่งขึ้นเราเก็บข้าวของ ไปสถานีรถไฟ ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี แล้วไปปราสาทฮิเมจิแต่เช้า เริ่มเปิด 9.00น.
ปราสาทฮิเมจิ(Himeji Castle, 姫路)หรือปราสาทนกกระเรียนขาว ถือว่าเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1400 และเนื่องจากปราสาทนี้ยังไม่เคยถูกทำลายมาก่อน ทั้งในยุุคที่มีสงคราม ไฟไหม้ หรือการเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ยังคงรูปแบบดั้งเดิมของตัวปราสาทเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์(ปราสาทดั้งเดิมที่เหลืออยู่มีทั้งหมด 12 แห่ง) จึงทำให้ได้รับการบันทึกเป็นมกดกโลกจากยูเนสโก้ และเป็น 1 ใน 4 ปราสาทที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น (ร่วมกับอีก 3 แห่งคือ Matsumoto Castle, Inuyama Castle และ Hikone Castle)
ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีอาคารน้อยใหญ่อยู่ภายในมากถึง 80 อาคารที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด มีกำแพงและประตูกั้นแต่ละส่วน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาถึงจะผ่านประตู Otemon เดินตามทางมาเรื่อยๆจะเจอกับสวนที่มีต้นซากุระมากมายและเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของปราสาทฮิเมจิคู่กับต้นซากุระด้วย หลังจากนั้นที่สุดทางเดินจะเจอกับตู้ขายตั๋วสำหรับเข้าไปในบริเวณของปราสาทชั้นใน ภายในปราสาทจะมีบันไดแคบๆสำหรับเดินขึ้นและลง ที่ชั้นบนสุดของหอคอยปราสาทจะมีช่องสำหรับดูวิวได้รอบทิศทาง ทำให้มองเห็นอาณาบริเวณของปราสาททั้งหมดและไกลออกไปที่ตัวเมืองฮิเมจิด้วย
ปราสาทฮิเมจิเพิ่งจะผ่านการรีโนเวทครั้งใหญ่มาเมื่อปี 2015 ทำให้สภาพของปราสาทตอนนี้สวยงามและสมบรูณ์มาก
แต่ก่อนบูรณะค่าเข้าชม 400 เยน หลังบูรณะเพิ่มเป็น1000เยน
ขึ้นชมภายในตัวปราสาทใหญ่ทุกชั้น ได้ทั้งการออกกำลัง ความรู้ แล้วกลับลงมาขึ้นแท๊กซี่กลับสถานีรถไฟ เพื่อไปเอากระเป๋าและ
ขึ้นชินกันเซนต่อไปยังโตเกียว แน่นอนว่าเราได้กินเบนโตะบนรถไฟอีกแล้ว